RMF ซื้ออย่างไรให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
โดย
|
หลักเกณฑ์การหักลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อ RMF ตามกฎหมาย |
การซื้อ RMF ในปีแรกที่ผู้มีเงินตัดสินใจซื้อ RMF เพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องซื้อให้เป็นไปตาม เงื่อนที่กฎหมายกำหนด ดังนี้
(1) ต้องซื้อ RMF ไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ หรือ ไม่น้อยกว่า 5,000 บาท เงื่อนไขข้อนี้เป็นการบังคับจำนวนเงินต่ำที่จะต้องซื้อตามเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่ง กล่าวคือ จะซื้อเพียง 5,000 บาท ต่อปี แล้วนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ โดยไม่คำนึงว่าจะมีเงินได้มากน้อยเพียงใด เช่น ผู้มีเงินได้มีเงินเดือนทั้งปี 1,500,000 (ร้อยละ 3 คือจำนวน 45,000 บาท) จะซื้อเพียง 5,000 บาท (แม้จะน้อยกว่าร้อยละ 3 ของเงินได้) แล้ว นำไปลดหย่อนภาษีก็ได้ หรือหากผู้มีเงินได้มีเงินได้เล็กน้อย เช่น มีเงินเดือนทั้งปี 150,000 บาท แต่ต้องการออมเงิน เก็บไว้ในกองทุน RMF จะซื้อไม่ถึง 5,000 ก็ได้เพราะถ้าคำนวณร้อยละ 3 แล้ว ได้จำนวนเพียง 4,500 บาท ก็จะซื้อ เพียง 4,500 บาทก็ได้ เพราะเป็นการซื้อไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของเงินได้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้อาจมีความเห็นว่าต้องซื้อ ร้อยละ 3 ของเงินได้เท่านั้น ถ้าซื้อ 5,000 บาท แต่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของเงินได้ถือว่าผิดเงื่อนไขไม่สามารถนำมาหัก ลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งโดยข้อกฎหมายแล้ว กฎหมายต้องการให้ออมร้อยละ 3 ของเงินได้ หรือ 5,000 บาท แล้วแต่ ผู้มีเงินได้จะเลือกเอา
(2) ถ้าจะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับ RMF ที่ซื้อไปแล้วห้ามขายคืนในปีนั้น และหากจะขายคืนในปีอื่นต้องเป็น การขายคืนตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดให้ขายคืนได้จึงจะไม่กระทบกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่นำค่าซื้อ RMF หักลดหย่อนสำหรับปีที่ซื้อ RMF ไปแล้วนั้น การขายคืน RMF ถ้ายังไม่ครบตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด จะทำให้ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ซื้อหน่วยลงทุนได้ซื้อ RMF ในระหว่างปีภาษีไปแล้ว แต่ในปีภาษีนั้นมีปัญหาเรื่องเงินจึงประสงค์ที่จะไถ่ถอน RMF ที่ซื้อไว้แล้วในปีนั้น การขาย (ไถ่ถอน) RMF ดังกล่าวคืน ไม่ได้ถือว่าผิดเงื่อนไข เนื่องจากผู้มีเงินได้ยังไม่ได้นำไปใช้ สิทธิหักลดหย่อนภาษี (แต่ถ้ามีกำไรจากการขาย ต้องเสียภาษีจากกำไรดังกล่าวด้วย) และถ้าหลังจากนั้นผู้มีเงินได้ จะซื้อหน่วยลงทุน RMF อีกในปีนั้น และไม่มีการขายคืน ในส่วนที่ซื้อภายหลังนี้ ก็สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้
(3) หักลดหย่อนไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับพึงประเมินที่ได้รับซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในแต่ละปี ไม่เกิน 500,000 บาท มีปัญหาว่า ถ้าซื้อเกินกว่าร้อยละ 15 ของเงินได้นั้น จะถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขหรือไม่และจะใช้สิทธิได้เท่าใด ปัญหานี้ถ้าพิจารณาตามกฎหมายแล้วกฎหมายไม่ได้บังคับต้องซื้อไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ เพียงแต่กำหนดสิทธิ ในการหักลดหย่อนภีไว้เท่านั้นดังนั้นหากซื้อเกินร้อยละ 15 ของเงินได้ ก็สามารถกระทำได้แต่สิทธิในการนำมาหัก ลดหย่อนภาษีได้สิทธิเพียงร้อยละ 15 ของเงินได้ ส่วนที่เกินห้ามนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
(4) กรณีที่มีการจ่ายเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกองทุนสงเคราะห์ตาม กฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เมื่อนำเงินที่ซื้อ RMF ไปรวมกับเงินดังกล่าวแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อซื้อ RMF ตามเงื่อนไขตามที่กล่าวข้างต้นก็นำ RMF ที่ซื้อดังกล่าวมาหักลดหย่อนภาษีในปีแรกที่ซื้อนั้นได้เลย ส่วนปีต่อๆ ไปต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขตามที่จะกล่าววต่อไป ซึ่งการใช้สิทธิหักลดหย่อนนั้น เมื่อซื้อปีแรกก็ใช้สิทธิของ ปีแรก เนื่องจากมีผู้มีเงินได้บางคนเข้าใจว่า เมื่อซื้อ RMF ในปีแรกไปแล้วจำนวนเท่าใด ก็สามารถนำ RMF ที่ซื้อใน ปีแรกนั้นไปหักลดหย่อนภาษีในปีอื่นๆ ได้อีกทุกปีจนครบอายุ 55 ปี ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่สามารถทำได้
บางส่วนจากบทความ “RMF ซื้ออย่างไรให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี” อ่านบทความฉบับเต็มได้ใน... วารสารเอกสารภาษีอากร ปีที่ 38 ฉบับที่ 458 เดือนพฤศจิกายน 2562
|
|
Tax Talk : ภาษีสรรพากร : ชุมพร เสนไสย วารสาร : เอกสารภาษีอากร พฤศจิกายน 2562 |
|
|