ระวัง!! “สารต้องห้าม” ในเครื่องสำอาง
โดย
|
ช่วงนี้มีข่าวครึกโครมอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องของเครื่องสำอางอันตรายที่ผลิตอย่างไม่ได้มาตรฐาน มีส่วนประกอบไม่ตรงกับ ที่แจ้งไว้บนฉลาก โดยเฉพาะเครื่องสำอางประเภท “ครีมหน้าขาว” ที่มักมีสารต้องห้ามที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้เป็นส่วนผสม ทำให้นอกจากผู้ใช้จะไม่ได้ขาวใสดังใจคิดแล้ว บางทียังเกิดผลข้างเคียงที่น่ากลัวตามมาอีกด้วย ซึ่งสารต้องห้ามที่มักพบ ในเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นจะมีสารอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ
ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) สารไฮโดรควิโนนมักถูกผู้ผลิตผสมลงในเครื่องสำอางประเภทครีมหน้าขาว เนื่องจากสารตัวนี้จะไปยับยั้งกระบวนการทาง เคมีในการสร้างเม็ดสี โดยไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่ทำหน้าที่ในการสร้างเม็ดสี เมื่อปริมาณเม็ดสีลดลง จึงทำให้ผิวของผู้ใช้ขาวขึ้น จากกลไกการออกฤทธิ์นี้ทำให้ไฮโดรควิโนนถูกนำมาใช้เป็นยาทาภายนอกสำหรับทารักษาผิวที่ เป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์หรือคำแนะนำของเภสัชกร และถูกสั่งห้ามผสมลงในเครื่อง สำอางที่วางจำหน่ายทั่วไป เนื่องจากผู้ผลิตเครื่องสำอางมักผสมไฮโดรควิโนนในปริมาณสูงและก่อให้เกิดผลข้างเคียงจาก การใช้ ผลข้างเคียง หากใช้เครื่องสำอางที่มีสารไฮโดรควิโนนผสมอยู่ในปริมาณมากจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวหนัง คือทำให้ ผิวหนังบริเวณที่ทามีสีคล้ำมากขึ้น เกิดอาการแสบร้อน เป็นตุ่มแดง หากใช้อย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวร เพิ่ม โอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้การได้รับสารไฮโดรควิโนนเกินขนาดอาจทำให้ตัวยาถูกดูดซึมเข้ากระแส เลือด และส่งผลให้เกิดอาการสั่นหรือเกิดภาวะลมชักได้
กรดเรติโนอิก (Retinoic acid) กรดเรติโนอิกมักถูกผสมลงในเครื่องสำอางประเภทครีมหน้าขาวเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีฤทธิ์กระตุ้นการแบ่งเซลล์และเร่ง การผลัดเซลล์ของผิว นอกจากนั้นยังลดการเคลื่อนย้ายเม็ดสีมาที่เซลล์ผิวหนังและยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดสี รวมทั้งออกฤทธิ์ป้องกันการสร้างสิวอุดตันซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวทั่วไป ผลข้างเคียง กรดเรติโนอิกอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ผิวหน้าอักเสบ หน้าลอก แพ้แสงแดดง่าย รวมถึงอาจ เกิดภาวะผิวด่างขาวหรือผิวคล้ำได้ชั่วคราว ที่สำคัญคือ อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ด้วย
ปรอท (mercury) สารปรอทที่ใช้อยู่ในรูปของไดวาเลนซ์แคทไอออน [mercuric (II) ion, Hg2+] จะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ทำให้มีการสร้างเม็ดสีลดลง สีผิวจึงขาวขึ้น นอกจากนี้สารปรอทยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus จึงป้องกันสิวได้ด้วย เหตุนี้จึงมักมีการผสมสารปรอทลงในเครื่องสำอางประเภทที่อวดอ้างเรื่องความขาวใสทั้งหลาย โดยจาก การสุ่มตรวจของหลายหน่วยงาน พบว่ากว่าร้อยละ 20 ของเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานจะมีสารปรอทผสมอยู่ในปริมาณสูง ผลข้างเคียง สารประกอบของปรอททำให้ผิวหนังเกิดอาการแพ้ ผิวหน้าดำ มีผื่นแดง เกิดฝ้าถาวร ผิวบางลง หากใช้ติดต่อกัน เป็นเวลานานจะทำให้เกิดพิษสะสมของสารปรอทในผิวหนังและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ตับและไตอักเสบ เกิดโรค โลหิตจาง และในสตรีมีครรภ์ สารปรอทจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและไปสู่ทารก ส่งผลให้ทารกในครรภ์อาจเกิดความพิการ ทางสมองได้
สเตียรอยด์ (Steroid) สารสเตียรอยด์จะมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างสารเคมีสื่อกลาง เช่น โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) และลิวโคไตรอีน (Leukotriene) ที่ใช้ในการการสร้างเม็ดสี ทำให้ปริมาณเม็ดสีลดลง ส่งผลให้ผิวของผู้ใช้ขาวขึ้น นอกจากนี้ เมื่อผสมร่วมกับ ยาตัวอื่นเช่น ไฮโดรควิโนน หรือเรตินอยด์ เสตียรอยด์ก็จะไปเสริมการทำงานของยาเหล่านั้นด้วย เพราะเหตุนี้มันจึงมักถูก ผสมลงในเครื่องสำอางหน้าขาวทั้งหลายเช่นกัน ผลข้างเคียง การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ในปริมาณมากและใช้เป็นระยะเวลานานต่อเนื่อง อาจก่อให้เกิด ผลข้างเคียงหลายประการ เช่น ผิวหนังมีผดผื่นขึ้นง่าย ผิวหน้าบาง ไวต่อแสง เกิดรอยแตกบนผิวหนัง เส้นเลือดใต้ผิวหนัง ผิดปกติ ทำให้มีอาการหน้าแดงอยู่ตลอดเวลา ผิวหนังมีสีจางลง หากใช้เป็นเวลานานอาจทำให้ผิวเกิดด่างขาวถาวร
จะเห็นได้ว่า เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารต้องห้ามนั้น มีผลข้างเคียงที่น่ากลัวไม่น้อยเลยนะคะ ดังนั้น เมื่อจะซื้อเครื่องสำอางทุกครั้ง คุณผู้อ่านก็ควรเลือกซื้อจากสถานที่จำหน่ายที่มีหลักแหล่งน่าเชื่อถือ ระวังเครื่อง สำอางประเภทที่อวดอ้างสรรพคุณมากจนเกินไป และหากใช้เครื่องสำอางชนิดใดแล้วรู้สึกว่าเกิดอาการผิดปกติ มีอาการคัน ผิวหนังอักเสบ ก็ควรหยุดการใช้ทันที และรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาต่อไปค่ะ
อ้างอิง • http://haamor.com/th/เรตินอยด์/ • https://med.mahidol.ac.th/ramapharmacy/th/knowledge/general/04072016-2055-th
|
Lifestyle : Health : Miss Sunshine วารสาร : HR Society Magazine มิถุนายน 2561 |
|
|