LTF หมดอายุปี 2562 เอาไงต่อดีนะ?

ปีนี้ LTF ยังลดหย่อนภาษีได้อยู่หรือเปล่า?  คำถามนี้เป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตที่มนุษย์เงินเดือน ส่วนใหญ่
ถามเข้ามาบ่อยๆ ในแฟนเพจ TAXBugnoms ครับ ซึ่งผมมักจะตอบกลับไปว่า “ได้ครับ เพราะปีนี้ซื้อ LTF ได้เป็น
ปีสุดท้ายครับผม” 

เมื่อได้รับคำตอบแบบนี้ มักจะมีคำถามตามมาว่า แล้วควรจะซื้อไหม? หรือไม่ก็อีกคำถามหนึ่ง คือ ปีหน้าจะมีกองทุน
อะไรที่สามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้แทน LTF หรือเปล่า 

คำตอบแรกของผม คือ ควรซื้อครับ ถ้าหากเรายังได้รับประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีอยู่ และเรามี วัตถุประสงค์ใน
การลงทุนระยะยาวตามเป้าหมายที่แท้จริงของกองทุน LTF นั้นๆ 

อย่างไรก็ดี ประเด็นตรงนี้ต้องแยกให้ชัดก่อนว่า การซื้อ LTF ในปี 2562 นั้น ยังต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ให้
ถูกต้องอีกด้วยครับ นั่นคือ 
1. ซื้อปีไหนลดหย่อนภาษีปีนั้น รวมกันสูงสุด 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยใน
แต่ละปีให้นำมากรอกในช่องค่าลดหย่อนภาษีตามปกติ ตามจำนวนเงินที่จ่ายไปเพื่อซื้อจริงๆ และไม่เกินสิทธิ
ตามที่ว่ามา
2. กรณีที่ได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในกองทุน LTF เรามีสิทธิเลือกได้ว่าจะเอาเงินปันผลไปรวมคำนวณ ภาษีไหม
หรือจะยอมเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 10% ไว้ แล้วจบโดยที่ไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษี (Final TAX)
3. ถือครองตามเงื่อนไขกฎหมายกำหนดไว้ให้ถูกต้อง (ถือครบ 5 ปีปฏิทินสำหรับการซื้อก่อนปี 2559 หรือ 7 ปี
ปฏิทิน สำหรับการซื้อตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป) ซึ่งถ้าหากทำตามเงื่อนไขนี้แล้ว กำไรจากการขายกองทุน LTF
จะได้รับสิทธิยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี 

นี่คือหลักการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนซื้อ LTF ในปีนี้ครับ แต่ถ้าหลายคนยังไม่สบายใจอยู่ว่า ซื้อมาแล้ว
ปีหน้าหุ้นตก ราคา NAV กองทุนจะตกไหม เมื่อ LTF ยกเลิกไป จะส่งผลกระทบอะไรบ้าง ผมยังมีคำอธิบายเพิ่มเติม
ให้ฟังตามนี้ครับ 
1. กองทุน LTF เป็นการลงทุนในหุ้นที่กองทุนเลือกลงทุน (ตามนโยบายของ บลจ. ที่แตกต่างกันไป) ดังนั้น สิ่งที่
จะส่งผลกระทบจริงๆ ต่อมูลค่า NAV ของกองทุน LTF คือ หุ้นที่กองทุนถือครองอยู่
2. ผลกระทบของ LTF ต่อตลาดโดยรวมนั้น อาจจะไม่ได้มากเหมือนแต่ก่อน เพราะจำนวนเม็ดเงิน ในการลงทุนนั้น
มากขึ้น โดยทางตลาดหลักทรัพย์ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า มูลค่าของ LTF คิดเป็น 4% ของตลาดหุ้นไทยเท่านั้น
3. ผลกระทบจริงๆ ไม่ได้เกิดขึ้นในปี 2563 แต่ถ้าจะเกิดมันจะเกิดขึ้นในปี 2565 เนื่องจากเป็นผลกระทบของ LTF
ที่ซื้อในปี 2559 จะครบกำหนดในปีนั้น (7 ปีปฏิทิน) ส่วน LTF ที่ซื้อในปีก่อนหน้า (ปี 2558) สามารถขาย
ได้ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปอยู่แล้ว ดังนั้น จะไม่ได้มีผลกระทบมากอย่างที่คิด 

ดังนั้น สิ่งที่จะตอบคำถามเราจริงๆ ว่าเราควรซื้อ LTF ไหม นอกเหนือจากเรื่องของการลดหย่อนภาษีแล้ว นั่นคือเรา
มีเป้าหมายในการลงทุนอย่างไร และเราเข้าใจหลักการลงทุนในกองทุน LTF มากแค่ไหน นี่คือประเด็นสำคัญที่ผม
อยากฝากไว้ให้ลองคิดดูครับ