ลาออก ถ้าพักร้อนเหลือๆ ริบได้เลย ไม่ให้ก็ได้ แต่ถ้าให้เกมพลิก
โดย
|
ลาออกถ้าพักร้อนเหลือๆ ริบได้เลย แต่นายจ้างอนุญาตก็ถือว่าสละสิทธิในการริบ จึงต้องให้สิทธิไป ไม่งั้นก็ต้องจ่าย เลือกเอาสักอย่าง
(1) คำพิพากษาฎีกาที่ 6412-6413/2557 ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสม (พักร้อนสะสม) คดีนี้ระหว่าง นาย ม. โจทก์ที่ 1 และ นาย ร. โจทก์ที่ 2 กับ นายจ้าง คือ บริษัท พ. จำกัด จำเลย เรื่องมีอยู่ว่าโจทก์ที่ 1 เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2548 ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 84,094 บาท โจทก์ที่ 2 เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2548 ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบริการ ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 79,794 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน
(2) เดือนมีนาคม 2552 จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ที่ 1 เพียง 72,884.93 บาท ค้างจ่าย 11,213.07 บาท และ ให้โจทก์ที่ 2 เพียง 21,278.40 บาท ค้างจ่าย 18,618.60 บาท ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างค้างจ่าย พร้อม ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง โดยจำเลยให้การว่า โจทก์ที่ 1 และ ที่ 2 เคยเป็นลูกจ้างจำเลยแต่ลาออกไปแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 31 และวันที่ 16 มีนาคม 2552 ตามลำดับ จำเลยมี ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดให้ลูกจ้างที่ทำงานครบสัญญาจ้าง 1 ปี และทำงานต่อในปีถัดไป มีสิทธิลาหยุด พักผ่อนประจำปีได้ 6 วันทำงานโดยได้รับค่าจ้าง แต่ต้องยื่นใบลาล่วงหน้าและได้รับอนุมัติจากหัวหน้างานเสียก่อน และไม่สามารถนำวันหยุดสะสมในปีก่อนมารวมได้ ข้อบังคับนี้เขียนถูกกฎหมาย ในปี 2552 โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ทำงานเพียง 2 เดือน มีสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปี เพียงคนละ 1 วัน แต่โจทก์ที่ 1 หยุดงานตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2552 จนถึงวันที่การลาออกมีผล ถือว่า ขาดงาน 8 วัน โจทก์ที่ 2 หยุดงานตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2552 จนถึงวันที่การลาออกมีผล ถือว่าขาดงาน 9 วัน จำเลยจ่าย ค่าจ้างเดือนมีนาคม 2552 ให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 จำนวน 26 วัน และ 8 วัน ตามลำดับ อันเป็นจำนวนมากกว่าที่ โจทก์ทั้งสองจะพึงได้รับ จำเลยจึงไม่ได้ค้างชำระค่าจ้างเดือนมีนาคม 2552 ขอให้ยกฟ้อง
(3) ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างจำนวน 11,213.07 บาท แก่โจทก์ที่ 1 และ จำนวน 18,618.60 บาท แก่โจทก์ที่ 2 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะ ชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
(4) จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟัง ข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดว่า เมื่อพนักงานทำงานครบสัญญาจ้างหนึ่งปี และทำงาน ต่อในปีถัดไป พนักงานมีสิทธิหยุดพักร้อน 6 วัน โดยได้รับค่าจ้าง และสะสมวันหยุดที่ยังไม่ได้หยุดในปีก่อนรวมในปี ถัดไปได้ตามรายงานการประชุมเอกสารหมาย จ. 2 ปี 2551 (แสดงว่ารายงานการประชุมหักล้างข้อบังคับเกี่ยวกับ การทำงานที่เขียนไว้ว่าสะสมวันหยุดฯ ไม่ได้ ตรงนี้นายจ้างไม่สู้เอาไว้ ปล่อยให้เลยตามเลย ศาลแรงงานจึงฟัง ข้อเท็จจริงผิดไปจากข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ตรงนี้ต้องระวัง เวลาสู้ในศาล) วินิจฉัยว่า ข้อบังคับเกี่ยวกับ การทำงานเอกสารหมาย ล. 1 มิได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าการคิดวันลาหยุดพักผ่อนประจำปี ให้คิดตามอัตราส่วนของปีที่ ทำงานได้
เมื่อปี 2552 โจทก์ทั้งสองได้ทำงานจึงมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีของปีดังกล่าวได้คนละ 6 วัน และมีสิทธิสะสม วันหยุดที่ยังไม่ได้ใช้ของปี 2551 อีกคนละ 2 วัน และ 4 วัน ตามลำดับ
ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่า ปี 2552 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการทำงาน โจทก์ทั้งสองทำงานไม่ครบปี โดยลาออก ไปก่อน แม้พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 67 วรรคท้ายบัญญัติว่า ในกรณีที่ลูกจ้างเป็นฝ่าย บอกเลิกสัญญาหรือนายจ้างเลิกจ้าง ไม่ว่าการเลิกจ้างนั้นเป็นกรณีตามมาตรา 119 หรือไม่ก็ตาม ให้นายจ้างจ่ายค่า จ้างให้แก่ลูกจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา 30 ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวมี ผลทำให้นายจ้างไม่ต้องชดใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีที่ลูกจ้างต้องเสียไปด้วยการลาออก (แปลความง่ายๆ คือ ลูกจ้างถ้าลาออก หรือถูกไล่ออก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 119 พักร้อนสิทธิในปีปัจจุบันนั้นๆ เป็น อดทันที นายจ้างเค้าริบได้เลยจ๊ะ)
โดยการจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่ลาออกตามส่วน แต่เมื่อในปีที่โจทก์ทั้งสองลาออกนั้น จำเลย อนุญาตให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ลาหยุดพักผ่อนประจำปี (แทนที่จะริบได้กลับสละสิทธิเองนายจ้างก็ซวยไปครับ)
บางส่วนจากบทความ “ลาออก ถ้าพักร้อนเหลือๆ ริบได้เลย ไม่ให้ก็ได้ แต่ถ้าให้เกมพลิก” อ่านบทความเต็มได้ใน... วารสาร HR Society magazine ปีที่ 17 ฉบับที่ 203 เดือนธันวาคม 2562 |
|
กฎหมายแรงงาน : คลายปมปัญหาแรงงาน : กฤษฎ์ อุทัยรัตน์ วารสาร : HR Society Magazine ธันวาคม 2562 |
|
|