เงินกู้ยืมจากกรรมการกับการถือเป็น "รายได้" ทางภาษี
โดย
|
เจ้าหนี้เงินกู้ยืมกรรมการกับการเสียภาษี |
เนื่องจากกรมสรรพากรมองว่าบางครั้งเงินกู้ยืมกรรมการถือเป็นช่องทางในการหลบเลี่ยงรายได้ตามที่กล่าวมา ดังนั้นหากมี การกู้ยืมเงินจากกรรมการหรือหุ้นส่วนจริงๆ สิ่งที่ต้องมีคือ สัญญาเงินกู้ รายละเอียดต่างๆ พร้อมกับหลักฐานของเส้นทาง การเงินที่สามารถตรวจสอบได้ มิเช่นนั้นแล้วอาจจะเป็นปัญหาได้ในภายหลัง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกิจการในการจัดการเอกสาร หลักฐานต่างๆ เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การบันทึกบัญชีอาจจะถือเป็นอีกหนึ่งร่องรอยให้ถูกตั้งคำถามต่อ หากไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น มีการกู้ยืมเงินจากกรรมการด้วยเงินสดทั้งจำนวนเป็นมูลค่าสูงมาก แม้ว่าจะมีสัญญาครบถ้วนแต่อาจจะขัดกับข้อเท็จจริง ในทางปฏิบัติได้เช่นกันครับ นอกจากนั้น พฤติกรรมของการกู้ยืมเงินและฐานะการเงินของกรรมการก็เป็นเหตุชวนสงสัยในการหลบเลี่ยงภาษีด้วยเช่น เดียวกัน ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่สรรพากรตีเป็นรายได้ทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่ม และอาจจะต้องเสียทั้งภาษีเงินได้ นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มได้เช่นเดียวกัน โดย
● ภาษีเงินได้นิติบุคคล จะเสียเมื่อถือว่าหนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง และถือว่าเป็นรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ กระทำในระยะเวลาบัญชี และต้องนำมาคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 วรรคหนึ่ง
● ภาษีมูลค่าเพิ่ม ขึ้นอยู่กับการตีความว่า เงินกู้ยืมจากกรรมการจำนวนนี้ถือเป็นรายได้ที่เป็นผลตอบแทนจากการขาย สินค้าหรือการให้บริการ ตามมาตรา 77/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร...หรือไม่ ซึ่งหากไม่ใช่ก็ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ถ้าหากใช่ก็ต้องเสียตามที่เจ้าหน้าที่จะประเมินต่อไป
ตรงนี้คือประเด็นสำคัญในการพิจารณา และเป็นตัวชี้ชัดว่าทางกิจการเองมีหลักฐานพิสูจน์ได้มากเพียงพอหรือไม่ ว่าเงินกู้ดังกล่าวไม่ใช่การหลบเลี่ยงรายได้และไม่ใช่เงินได้ที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากรนั่นเอง
บางส่วนจากบทความ “เงินกู้ยืมจากกรรมการกับการถือเป็น "รายได้" ทางภาษี” อ่านบทความฉบับเต็มได้ใน... วารสาร CPD & Account 16 ฉบับที่ 196 เดือนเมษายน 2563 |
Tax Talk : Tax knowledge : Tax Bugnoms วารสาร : CPD&ACCOUNT เมษายน 2563 |
|
|
|