3 ขั้นตอนจัดการการเงินและภาษี (ที่ควรทำ) เมื่อออกจากงาน

โดย

 

 

หนึ่งในอาชีพที่มั่นคงที่สุด คือ มนุษย์เงินเดือน แต่จริงๆ คำพูดนี้มันไม่จริงเสียเลย โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ช่วงที่ใครหลาย
คนตัดสินใจออกจากงานหรือถูกบังคับให้ออกจากงานโดยความไม่จำเป็น  รวมถึงกำลังจะถูกเสนอให้ออกจากงานด้วย
ความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม

บทความในตอนนี้รวบรวม 3 ขั้นตอนที่ควรทำ ที่ผมรังสรรค์จากประสบการณ์ในชีวิตจริงและจากข้อมูลที่รวบรวมทั้งหมด
มาสรุปและฝากกันไว้ให้พิจารณาครับ

1. เช็กเงินสำรองก่อนว่าเพียงพอไหม เพราะถ้าหากเงินสำรองที่เรามียังไม่พอใช้จ่ายล่วงหน้าไปสัก 6-12 เดือนใน
ช่วงที่ต้องออกจากงานและหางานใหม่ไม่ได้ในระหว่างนั้น เรายิ่งต้องบริหารจัดการในข้ออื่น ๆ ให้ดีขึ้นกว่านี้ และพยายาม
ที่จะสร้างกระแสเงินที่เป็นบวกโดยการหารายได้เพิ่มให้ได้ไวที่สุดครับ

2. เราได้รายได้ (เงินได้) อะไรจากการออกจากงานบ้าง สำหรับข้อนี้ผมอยากให้เช็กสิ่งที่ได้รับจากนายจ้างในปี
ที่เราออกว่าเราได้รับอะไรบ้าง ซึ่งหลักๆ แล้วเราจะได้รับเงินประมาณ 3 ก้อน ดังนี้
● เงินเดือนที่ได้มาตลอดจนถึงวันสุดท้ายของการทำงาน สำหรับเงินก้อนนี้ถือว่าเป็นเงินที่เรายังต้องนำมายื่นเสียภาษี
เงินได้บุคคลธรรมดาอยู่ โดยเป็นเงินได้ประเภทที่ 1 ตามกฎหมาย และเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ว่า ถึงแม้เราจะออกจากงานใน
ระหว่างปีก็ตาม แต่รายได้ที่เกิดขึ้นยังต้องนำมาคำนวณภาษีอยู่ดีครับ
● เงินชดเชย เงินพิเศษ เงินก้อน เงินที่คำนวณให้ในกรณีต่างๆ สำหรับก้อนนี้คือก้อนที่ชี้ชะตาชีวิตแล้วครับ ถ้าหากไม่ใช่
การออกโดยสมัครใจ เราย่อมได้รับเงินชดเชยต่างๆ จากการที่นายจ้างตัดสินใจให้เราออกจากงาน ซึ่งตรงนี้คำถามที่เราต้อง
ถามเพิ่มเติม คือ เงินชดเชยก้อนไหนได้รับสิทธิยกเว้นภาษีบ้าง และ เงินชดเชยก้อนไหนต้องเสียภาษีบ้าง?
● เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในกรณีที่เราตัดสินใจนำเงินออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งรวมถึงผลประโยชน์ต่างๆ
ที่ได้รับจากกองทุน ทำให้ในส่วนที่นายจ้างสมทบและผลประโยชน์จากการลงทุนต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีด้วย
เช่นกัน (ถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 1 ตามกฎหมายเช่นเดียวกัน)

3. กระแสเงินสดและสภาพคล่อง เมื่อพิจารณาขั้นตอนที่สองเรียบร้อยแล้ว ผมอยากให้พิจารณาเพิ่มเติม เรื่องของ
กระแสเงินสด ในแต่ละเดือนที่ต้องใช้จ่ายครับ กับ สภาพคล่อง ที่เรามีอยู่ ณ จุดนี้ โดยเปรียบเทียบกันแบบไม่มีอคติว่า
ชีวิตจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการใช้ชีวิตต่อ (ระหว่างหางานใหม่) คือ สำรองเงินที่ได้รับ
บางส่วนไว้ใช้จ่ายส่วนตัวเท่าที่จำเป็น และจัดการหนี้สิน หรือเจรจาในการชำระหนี้สิน เพื่อให้กระแสเงินสดยังเป็นบวก หรือ
ยังเพียงพอต่อการใช้จ่ายในระหว่างที่หางานใหม่ 

คำแนะนำที่ผมอยากแนะนำมากๆ เลยคือ “ห้ามใช้จ่ายเงินด้วยอารมณ์” เนื่องจากการออกจากงานจะส่งผลกระทบต่อ
ความรู้สึกของเราในการจัดการตัวเองมาก ซึ่งทำให้บางคนเผลอใช้จ่ายตามอารมณ์ไป และทำให้เราตัดสินใจผิดพลาดใน
บางครั้ง ควรหากระแสเงินสดเข้ามาให้มากที่สุด และทำให้เงินก้อนที่มีอยู่ใช้ได้ในนานที่สุดตราบเท่าที่รายได้ยังไม่เข้ามา
เพราะนี่คือหนทางที่ดีทีสุดที่ทำได้


  บางส่วนจากบทความ  “3 ขั้นตอนจัดการการเงินและภาษี (ที่ควรทำ) เมื่อออกจากงาน”
  อ่านบทความเต็มได้ใน... วารสาร HR Society magazine ปีที่ 18 ฉบับที่ ฉบับที่ 215 เดือนพฤศจิกายน 2563



Lifestyle : Smart Money for Salaryman : TAXBugnoms
วารสาร : HR Society Magazine พฤศจิกายน 2563


FaLang translation system by Faboba