| |
การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ เพื่อส่งเสริมทัศนคติเชิงบวกในองค์กร
|
จุดมุ่งหมายหลักเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้าน อาทิ 1. การปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล (Personalization) : AI สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากเพื่อนำเสนอโปรแกรม หรือคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล (Fit for Purpose) ส่งผลให้เกิดประสิทธิผลมากกว่าวิธีการแบบเดียวกันสำหรับทุกคน (One Size Fit All) ตัวอย่างเช่น บริษัท Unilever พบว่า การใช้ “Humu’s Nudge Engine” ซึ่งออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคลนั้นให้ผลลัพธ์ดีกว่าการสื่อสารแบบเดียวกันกับทุกคนถึง 3.7 เท่า 2. การให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง : AI ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงการสนับสนุนได้ทุกเวลาโดยไม่จำกัดเวลาและทรัพยากร เช่น Wysa AI Chatbot ที่ให้บริการด้านสุขภาพจิตแก่พนักงานของ Aetna International ส่งผลให้การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นถึง 74% โดยเฉพาะในช่วงเวลานอกการทำงาน 3. ความต่อเนื่องและความสม่ำเสมอในการสนับสนุน : AI สามารถติดตามพฤติกรรมและกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการปรับเปลี่ยนทัศนคติในระยะยาว ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม Limeade ที่ใช้ AI เพื่อติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน โดย NexJ Systems รายงานว่า พนักงานถึง 82% สามารถบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อทัศนคติและประสิทธิภาพในการทำงาน 4. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในวงกว้าง : AI ช่วยให้สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของพนักงานในระดับองค์กร เพื่อค้นหาปัจจัยที่มีผลต่อทัศนคติและนำไปสู่การปรับปรุงนโยบาย ตัวอย่างเช่น Microsoft Viva Insights ที่ใช้ในบริษัท Accenture พบว่า การประชุมต่อเนื่องนานเกิน 2 ชั่วโมง โดยไม่มีการพัก ส่งผลลบต่อทัศนคติของพนักงาน แต่เมื่อมีการปรับให้มีช่วงพัก 10 นาที ระหว่างการประชุมพบว่า ความพึงพอใจในการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 17%
|
บางส่วนจากบทความ : AI กับการสร้างทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) ในองค์กร โดย : ดร.ณัฐวุฒิ พงศ์สิริ / Section : HRM /HRD / Column : HR Trends อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่...วารสาร HR Society ปีที่ 23 ฉบับที่ 271 เดือนกรกฎาคม 2568
|
|