ผู้ประกอบการที่จะมีสิทธิได้รับประโยชน์จากมาตรการภาษี 200%

โดย

 


 
ผู้ประกอบการที่จะมีสิทธิได้รับประโยชน์จากมาตรการภาษี 200%


   
  
มาตรการที่จะมีการประกาศใช้ผ่านการออกพระราชกฤษฎีกาตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรนี้ มีความหมายว่าผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับประโยชน์หักค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี ได้แก่ การจ่ายค่าซื้อ หรือค่าจ้างทำ หรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์อัจฉริยะ หรือบริการด้านดิจิทัลที่ได้รับขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัล ได้ในอัตรา 2 เท่า (200%) โดยจำกัดเฉพาะในวงเงินไม่เกิน 300,000 บาทต่อปีบัญชี เช่น รายจ่ายจริง 50,000 บาท สามารถหักภาษีได้ 100,000 บาท หรือหากรายจ่ายจริง 300,000 บาท สามารถหักภาษีได้ 600,000 บาท และในส่วนของค่าใช้จ่ายที่มากกว่า 300,000 บาท ผู้ประกอบการก็ยังคงสามารถหักค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้เต็มตามปกติ แต่ไม่ได้รับสิทธิในการคูณสองเท่านั้น
      ทั้งนี้ โดยหลักการค่าใช้จ่ายดังกล่าวต้องเป็นรายการที่เกี่ยวกับดิจิทัล แต่อาจเป็นค่าใช้จ่ายทั้งในรูปแบบค่าซื้อโปรแกรมที่ซึ่งมาสำเร็จรูป ค่าเช่าใช้ระบบ (License/Software-as-a-Service) ค่าจ้างเขียนซอฟต์แวร์ใหม่ (Software Development) ค่าเช่าบริการคลาวด์ ค่าซื้ออุปกรณ์ IOT (เช่น กล้อง AI หรือ Smart Censor) แต่ไม่รวมค่าซื้อ Hardware ทั่วไป (เช่น Notebook, Desktop) ค่าอินเทอร์เน็ต
      โดย DEPA และกรมสรรพากรกำหนดหลักการในเบื้องต้นให้มาตรการภาษี 200% ดังกล่าวมีผลบังคับนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการ (24 มิถุนายน 2568) ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2570 และด้วยจุดประสงค์หลักที่ DEPA
      และกรมสรรพากรต้องการส่งเสริมลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นการเฉพาะ ดังนั้นผู้ที่จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ดังกล่าวจึงจำกัดเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามนิยามและคุณสมบัติ ได้แก่
      (1) ต้องจดทะเบียนเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
      (2) ต้องมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีตามที่แสดงในหนังสือรับรองที่ออกโดยกรมธุรกิจการค้า ไม่เกิน 5 ล้านบาท
      (3) ต้องมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชี ไม่เกิน 30 ล้านบาท
      ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สามารถใช้สิทธิภายใต้กรอบของมาตรการนี้ได้นั้น ไม่จำกัดประเภทธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจ เพียงมีจุดประสงค์ใช้จ่ายเทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนผ่าน Digital Transformation เท่านั้น ดังนั้นย่อมเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจดั้งเดิม (Traditional Business) ที่จะตัดสินใจใช้ประโยชน์ด้านภาษีนี้ในการลงทุนเพื่อเปลี่ยนแปลงสู่ธุรกิจดิจิทัล และแม้จะเป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจด้านดิจิทัลอยู่แล้วเดิม แต่หากมีคุณสมบัติในเกณฑ์ที่ยังเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้ประกอบการดังกล่าวก็สามารถใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวได้เช่นกัน โดยอาจใช้เพื่อลดค่าใช้จ่ายดำเนินการ (Operation Cost) ของตนเอง เช่น ค่าบริการ Cloud เป็นต้น


จากบทความเรื่อง มาตรการภาษี 200% ช่วย SMEs ใช้ดิจิทัล Section: Laws & News / Column: Business Law/
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่...วารสารเอกสารภาษีอากร ปีที่ 44 ฉบับที่ 527 เดือนสิงหาคม 2568 หรือสมัครสมาชิก
“วารสารเอกสารภาษีอากร” เพื่อรับสิทธิอ่านและสืบค้นบทความ ผ่านระบบ e- Magazine Index

 
 


FaLang translation system by Faboba