ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นรายจ่ายคำนวณกำไรสุทธิทั้งหมดได้หรือไม่
โดย
|
ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการคำนวณค่าหรือราคาเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตาม มาตรา 65 ทวิ (5) แห่งประมวลรัษฎากรเป็นผลเสียหายที่เกิดขึ้นกับกิจการ จึงถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณ กำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอาจเกิดขึ้นได้ในหลายกรณีตามที่ กล่าวแล้ว แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วกิจการย่อมนำมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลได้ เว้นแต่รายจ่ายดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นรายจ่ายต้องห้ามมิให้นำมาหักเป็นรายจ่ายตามมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ก็จะนำผลขาดทุนดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายไม่ได้ ดังเช่น กิจการได้กู้ยืมเงินเป็น เงินตราต่างประเทศมาเพื่อลงทุนในทรัพย์สิน เช่น นำมาใช้การการก่อสร้างโรงงาน หรือซื้อเครื่องจักร หากปรากฏ ว่าในระหว่างการก่อสร้างโรงงาน หรือในระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร ได้เกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับ หนี้สินที่เกิดจากการกู้ยืมเงินมาเพื่อการดังกล่าว อันเป็นผลมาจากการคำนวณค่าหรือราคาเงินตราต่างประเทศเป็น เงินตราไทยตามมาตรา 65 ทวิ (5) แห่งประมวลรัษฎากร ผลขาดทุนดังกล่าวซึ่งเป็นรายจ่ายย่อมเข้าลักษณะเป็น รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนซึ่งเป็นรายจ่ายต้องห้ามไม่ให้นำมาถือเป็นรายจ่ายตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากร
ในเรื่องดังกล่าวได้มีคำพิพากษาของศาลฎีกาวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2549 ว่า “โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัท ประกอบกิจการค้าอสังหาริมทรัพย์โดยกู้ยืมเงินในประเทศเพื่อซื้อที่ดิน ต่อมากู้ยืมเงินตราจากต่างประเทศมาใช้หนี้เงินกู้ในประเทศ (ที่กู้มาเพื่อซื้อที่ดิน) โจทก์จึงเป็นหนี้เงินตรา ต่างประเทศซึ่งอาจต้องเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน จึงทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเพื่อ ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินและได้นำรายจ่ายดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ คดีจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า โจทก์สามารถนำผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายในการทำสัญญา ซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ามาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของโจทก์ได้หรือไม่
ศาลเห็นว่าการที่โจทก์กู้ยืมเงินในประเทศจากธนาคาร ก. มาเพื่อซื้อที่ดิน เงินกู้และดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงิน ย่อมถือเป็นต้นทุนของที่ดินดังกล่าวและเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไร เนื่องจาก เป็นรายจ่ายที่จ่ายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของโจทก์ อันเป็นทุนรอนของโจทก์เพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบ กิจการอันมีผลก่อให้เกิดรายได้ต่อธุรกิจของโจทก์ต่อไป จึงต้องห้ามมิให้นำมาหักเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชี ปี 2540 ตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากร และแม้โจทก์จะกู้ยืมเงินตราต่างประเทศมาเพื่อใช้หนี้เงินกู้ ในประเทศที่โจทก์กู้จากธนาคาร ก. มิใช่เพื่อซื้อที่ดินโดยตรง แต่เมื่อโจทก์นำเงินกู้ในประเทศไปใช้ซื้อที่ดินเพื่อ พัฒนาและแบ่งขายในลักษณะโครงการปลูกสวนป่าหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินตราต่างประเทศจึง เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับหนี้เงินกู้ในประเทศดังกล่าว เสมือนเป็นเพียงการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของ รายจ่ายค่าซื้อที่ดินอันเป็นรายจ่ายฝ่ายทุน และการที่โจทก์ทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าก็ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินที่อาจเกิดขึ้นเมื่อถึงกำหนดต้องชำระคืนเงินกู้ให้แก่ธนาคาร ต่างประเทศที่โจทก์กู้ยืมมา ดังนั้น ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายจ่ายในการทำสัญญาซื้อขายเงินตรา ต่างประเทศล่วงหน้าในส่วนที่เกี่ยวกับการซื้อที่ดินที่โจทก์ต้องจ่ายไปจึงเป็นรายจ่ายต่อเนื่องที่เป็นผลโดยตรง จากการที่โจทก์กู้ยืมเงินตราต่างประเทศมาชำระหนี้เงินกู้ในประเทศ เพื่อซื้อที่ดินอันเป็นส่วนหนึ่งของค่าซื้อที่ดินซึ่ง เป็นต้นทุนของโจทก์หาใช่เป็นค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการบริหารในการดำเนินธุรกิจการค้าหากำไรของโจทก์ไม่ เมื่อโจทก์คำนวณรายได้และรายจ่ายโดยใช้เกณฑ์สิทธิแต่โจทก์ยังไม่สามารถพัฒนาที่ดินเพื่อขายได้ โจทก์จึงไม่ อาจนำผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายในการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศดังกล่าวมาถือเป็น รายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของโจทก์สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2540 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2540 ตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากรได้”
จึงเห็นได้ว่าผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนแม้จะถือเป็นรายจ่ายได้แต่ถ้าหากเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน ย่อมไม่สามารถนำมาลงเป็นรายจ่ายได้ เนื่องจากเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องนำไปรวมเป็นมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินเพื่อหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาต่อไป
บางส่วนจากบทความ “ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นรายจ่ายคำนวณกำไรสุทธิทั้งหมดได้หรือไม่” อ่านบทความฉบับเต็มได้ใน... วารสารเอกสารภาษีอากร ปีที่ 38 ฉบับที่ 456 เดือนกันยายน 2562
|
|
Tax Talk : ภาษีสรรพากร : ชุมพร เสนไสย วารสาร : เอกสารภาษีอากร กันยายน 2562 |
|
|