ยืมใช้สินค้าต้องเสียภาษี

โดย

 

 
รู้หรือไม่! ยืมใช้สินค้าต้องเสียภาษี


การยืมสินค้ามีหลายลักษณะทั้งแบบสินค้าคงรูปและแบบสินค้าใช้สิ้นเปลือง ซึ่งการยืมสินค้าในแต่ละแบบจะมีภาระภาษี
แตกต่างกัน โดยหลักแล้วหากเป็นกรณีการให้ยืมสินค้าแบบคงรูป จะพิจารณาว่าผู้ให้ยืมได้โอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าไปยัง
ผู้ยืมหรือไม่เป็นสำคัญ หากสินค้าที่นำมาให้ยืมนั้น ผู้ให้ยืมไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ในสินค้านั้นให้แก่ผู้ยืม และผู้ยืมได้นำ
สินค้าตัวที่ยืมไปนั้นคืนให้แก่ผู้ให้ยืม กรณีดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าแต่เข้าลักษณะเป็นการให้บริการ
ซึ่งการยืมสินค้านี้ อาจมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับการให้เช่าทรัพย์สินในบางลักษณะ และอาจทำให้เกิดความสับสนแก่
ผู้ใช้กฎหมาย จึงต้องศึกษาหลักกฎหมายและตัวอย่างต่างๆ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ 

เจ้าของกิจการ พนักงาน หรือบุคคลอื่นใด อาจเคยให้ยืมใช้สินค้ากับบุคคลอื่นๆ ใช้เพื่อกิจการหรือเพื่อส่วนตัวเช่น
ให้ยืมใช้เครื่องจักรเพื่อนำไปผลิตสินค้าให้ยืมทรัพย์สินส่วนตัว เพื่อให้ผู้ที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ทรัพย์สิน
ได้ใช้สอยประโยชน์ในทรัพย์สินที่ยืมมาตามความประสงค์ 

การให้ยืมทรัพย์สินที่เป็นการยืมตามสัญญายืมใช้คงรูปจะไม่ได้มีการคิดค่าตอบแทนระหว่างกันแต่อย่างใดแต่ในบางกรณี
อาจมีการคิดค่าตอบแทน เช่น การคิดดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมเงิน การคิดค่าเสียประโยชน์จากการให้บุคคลอื่นใช้
ทรัพย์สินที่ยืม เป็นต้น 

ดังนั้นเมื่อบุคคลฝ่ายหนึ่งให้บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งยืมทรัพย์สินสิ่งสำคัญที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องศึกษาให้ถ่องแท้ คือ
หลักกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลรัษฎากร เป็นต้น 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

1. สัญญายืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในการศึกษากฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการยืมจะต้องศึกษาประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิชย์โดยเฉพาะบรรพที่ 3 ลักษณะที่ 9 ว่าด้วยเรื่องการยืม นอกจากนี้ยังต้องศึกษาบรรพที่ 1 ได้แก่ หลักในเรื่องนิติกรรม
เนื่องจากสัญญายืมเป็นนิติกรรม 2 ฝ่าย และบรรพที่ 2 ได้แก่ หลักในเรื่องหนี้ เนื่องจากสัญญายืมเป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้
ขึ้นตามกฎหมายด้วย นอกจากนี้ยังต้องนำหลักกฎหมายที่เป็นบททั่วไปในบรรพที่ 1 และ 2 ของประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์มาใช้บังคับด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเจตนาของคู่สัญญา ความสามารถในการทำนิติกรรม และวัตถุประสงค์
ในการทำนิติกรรม สัญญายืมนั้นจึงจะมีผลใช้บังคับตามกฎหมาย
หลักของกฎหมายแล้ว สัญญายืมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สัญญายืมใช้คงรูป และสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง โดยแยก
พิจารณาสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. สัญญายืมใช้คงรูป หมายถึง สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกว่า ผู้ให้ยืม ให้บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สิน
สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่า และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว ดังนั้น สัญญายืมจึงเป็นสัญญาที่ไม่มีค่าตอบแทน (มาตรา 640 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)
2. สัญญายืมใช้สิ้นเปลือง หมายความว่า สัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้นเป็นปริมาณ
มีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืมและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภทชนิดและปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้
ยืมนั้นสัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม (มาตรา 650 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)

2. สัญญาเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หลายๆ ท่านมักสับสนระหว่างสัญญาเช่ากับสัญญายืมว่ามีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

เนื่องจากสัญญาทั้ง 2 สัญญานี้มีความคล้ายคลึงกันในหลายๆ ด้าน โดยสัญญาเช่าทรัพย์สินตามมาตรา 537
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมายถึง สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่ง
เรียกว่า ผู้เช่า ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่า
เพื่อการนั้น ดังนั้น สัญญาเช่าจึงเป็นสัญญามีค่าตอบแทน


   
      บางส่วนจากบทความ “ยืมใช้สินค้าต้องเสียภาษี”
      อ่านบทความฉบับเต็มได้ใน... วารสารเอกสารภาษีอากร ปีที่ 39 ฉบับที่ 469 เดือน ตุลาคม 2563 




Tax Talk : Tax How to : ดร. เพชรรัตน์ ศุภนิมิตรกุลกิจ
วารสาร : เอกสารภาษีอากร ตุลาคม 2563



FaLang translation system by Faboba