กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
โดย
|
|
กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
|
กิจการที่ขายสินค้าหรือให้บริการจะต้องเสียภาษีอากร ซึ่งอาจต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น เนื่องจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มมีข้อจำกัดสำหรับกิจการบางประเภทซึ่งมีความยุ่งยากในการกำหนดมูลค่าเพิ่ม ดังนั้นกรมสรรพากรจึงได้กำหนดให้ธุรกิจเฉพาะเสียภาษีในลักษณะพิเศษอยู่นอกระบบมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเรียกว่า“ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax)” อันเป็นภาษีอากรประเมิน การเสียภาษีประเภทนี้จะเสียภาษีในลักษณะเช่นเดียวกันกับภาษีการค้า (Business Tax) ที่กรมสรรพากรเคยเรียกเก็บก็จะมีการยกเลิกและมาใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มแทน
ภาษีธุรกิจเฉพาะจะคำนวณจากยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ซึ่งภาษีธุรกิจเฉพาะที่กิจการได้จ่ายไปแล้ว นำมาถือเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ หรือ 65 ตรี ดังนั้นการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจึงเสียจากรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
ผู้ที่มีหน้าที่จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ คือ ผู้ประกอบการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามประมวลรัษฎากร อยู่ในรูปแบบของ 1. บุคคลธรรมดา 2. คณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล 3. กองมรดก 4. ห้างหุ้นส่วนสามัญ 5. กองทุน 6. มูลนิธิ 7. หน่วยงานหรือกิจการของเอกชนที่กระทำโดยบุคคลธรรมดาตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป อันมิใช่นิติบุคคล 8. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล 9. องค์การของรัฐบาล สหกรณ์ 10. นิติบุคคลในรูปแบบใดก็ตาม
ในกรณีผู้ประกอบการอยู่นอกราชอาณาจักร ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการประกอบกิจการ รวมตลอดถึงลูกจ้าง ตัวแทน หรือผู้ทำการแทน ซึ่งมีอำนาจในการจัดทำการแทนโดยตรงหรือโดยปริยายที่อยู่ในราชอาณาจักร เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะร่วมกับผู้ประกอบกิจการ 1.ต้องเป็นการจ้างคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ 2.มีหนังสือรับรองจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ระบุรายชื่อและจำนวนลูกจ้าง (ทั้งหมดรวมคนพิการ) 3.มีสำเนาบัตรประจำตัวคนพิการของลูกจ้าง 4.มีสำเนาสัญญาจ้างแรงงาน 5.มีหลักฐานการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่คนพิการที่จ้างเข้าทำงาน
กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
ธุรกิจที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะได้ถูกแยกออกมาต่างหากจากธุรกิจที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม การประกอบกิจการดังต่อไปนี้ในราชอาณาจักร อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 1. การธนาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์หรือกฎหมายเฉพาะ 2. การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองชิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบ ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ 3. การรับประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต 4. การรับจำนำตามกฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ 5. การประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ เช่น การให้กู้ยืมเงิน ค้ำประกัน แลกเปลี่ยนเงินตรา ออก ซื้อ หรือขายตั๋วเงิน หรือรับส่งเงินไปต่างประเทศด้วยวิธีต่าง ๆ 6. การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ทั้งนี้ เฉพาะที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา 7. การขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในตลาดหลักทรัพย์ (ปัจจุบันได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ) 8. การประกอบกิจการอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ในกรณีที่บุคคลอยู่นอกราชอาณาจักร ประกอบกิจการโดยผ่านสถานประกอบการหรือตัวแทนของตนที่อยู่ในราชอาณาจักรให้ถือว่าประกอบ กิจการในราชอาณาจักร
จากบทความ : “ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ” โดย : สมเดช โรจน์คุรีเสถียร Section : Tax Talk Column : Tax & Accounting อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่...วารสาร CPD & Account ปีที่ 18 ฉบับที่ 224 เดือนสิงหาคม 2565
|
|
|
|
|
|
|