อายุน้อยบริหารความสำเร็จ กับก้าวต่อไปของ Diamond Grains

          HR Society Magazine ฉบับพฤศจิกายนนี้ มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารสาวสวย คุณชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์ หรือคุณอูน ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท บรันช์ไทม์ จำกัด ดีกรีความเก่งไม่ธรรมดา เพราะมีหลายแบรนด์ในเครือ เช่น Diamond Grains ผลิตภัณฑ์กราโนล่าคลีน อาหารเช้าเพื่อสุขภาพเจ้าแรกในประเทศไทย Moleculogy By Diamond Grains ผลิตภัณฑ์ประเภทบิวตี้ สกินแคร์ อาหารเสริม, Home to my Heart แบรนด์ไลฟ์สไตล์ เสื้อผ้า แฟชั่น, Aurora's Potion แบรนด์เครื่องหอม กลุ่มสมุนไพร, ผักฉ่ำ คำหอม ร้านอาหารเดลิเวอรีมังสวิรัติ อาหารคลีน ที่สำคัญยังเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ที่ล่าสุดปล่อยเพลง “เฮอร์ไมโอน้อง” เพลงฮิตสุดโด่งดังในโซเชียลที่ใครๆ ก็ร้องตามได้ มาทำความรู้จักและเรียนรู้การบริหารงานของคุณอูน ผ่านบทสัมภาษณ์นี้กัน

          ในบทบาทการเป็นผู้บริหารหญิงรุ่นใหม่ และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปี มีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต หรือคติในการทำงานอย่างไรให้สนุก มีพลัง และมีความสุขกับทุกสิ่งที่ลงมือทำ

          “อูนเคยมีวันที่คิดไอเดียไม่ออก จึงเลือกทำหลายๆ แบรนด์ สร้างพื้นที่ไว้ให้เอาตัวเองไปลงในวันที่มันตีบตัน เหมือนจุดเริ่มต้นเพลงเฮอร์ไมโอน้อง มาจากวันที่คิดงานไม่ออก เรายังมีงานอดิเรกอย่างการร้องเพลงให้วิ่งไปทำ แต่ในชีวิตการทำงาน อูนจะชอบทำตอนที่เงียบสงัด ประมาณเวลา 03.00-04.00 น. เวลานั้นมันสงบจริงๆ หัวของเราจะวิ่งไปอีกดินแดนที่ใครเข้าไปไม่ถึง อูนชอบใช้ความคิด และรู้สึกว่ามันสวยงาม อย่างแรงบันดาลใจในการทำบริษัท เราไม่ได้ทำให้มีชีวิตที่ดีคนเดียว อย่างตอนนี้อูนกับพี่แพ็ค (สามี) น่าจะอยู่ในจุดที่พักผ่อนได้มากกว่านี้ แต่เรายังเลือกทำงานมากขึ้น เพราะรู้สึกว่ามันสนุกที่มีโอกาสได้ทำ และคนที่ทำงานกับอูนก็ไม่ได้มีโอกาสแบบนี้จากองค์กรอื่น อูนว่าคนเราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับโอกาสที่หยิบยื่นให้ทุกครั้ง บางทีเราเห็นเขาเก่งด้านนี้ มีโอกาสทำตรงนี้ได้ พอลงมือทำจริงๆ กลับพบสิ่งที่เขาเก่งมากกว่านั้น อูนว่านี่คือความสวยงามของการทำงาน

          เป้าหมายในการทำธุรกิจทุกวันนี้ของอูน จึงไม่เคยเปลี่ยนไป ยังคงอยากเป็นความอุ่นกาย อุ่นใจให้แก่ผู้บริโภค แต่ในแง่มุมมองการใช้ชีวิต อูนเปลี่ยนไปเยอะมากพอสมควร เราอยู่ในจุดที่มีคนฟัง เขารู้แล้วว่าชีวิตเปลี่ยนได้ แต่ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนจากธุรกิจเรา การที่เขาเห็นเราล้มแล้วลุก ในวันที่เขาล้มบ้าง เขาก็อยากลุกขึ้นมาเหมือนเรา เวลาที่อูนเห็นคนอยากมีชีวิตต่อ มีความสุขกับตัวเอง มันมีคุณค่าทางจิตใจ วันที่คุณมีเงิน จะเอาไปปรนเปรออย่างไรก็ได้ แต่ถ้าวันหนึ่งสิ่งที่คุณพูดไป มีผลต่อมนุษย์ที่อยู่ด้วยกัน บางอย่างเงินก็ซื้อไม่ได้ แสงกับเงินจึงต่างกัน อูนรู้สึกขอบคุณและดีใจที่สามารถลบกำแพงคนที่มีต่อความเป็นนักธุรกิจของอูนได้ ชีวิตสวยหรูไม่ได้มีค่าอะไร เท่ากับสิ่งที่อูนพูดไปแล้วมีค่าสำหรับคนอื่น”