เตรียมตัวยื่นภาษี ปี 2565 อย่างไร มีอะไรต้องรู้บ้าง?

          เข้าสู่ช่วงต้นปีแบบนี้ สิ่งที่ต้องเตรียมตัวยื่นภาษีมีอะไรบ้าง ต่อไปนี้คือเทคนิคการเตรียมตัวยื่นภาษีประจำปี ไปจนถึงการวางแผนภาษีรับปีนี้กัน
          ข้อแรก : เตรียมเอกสารยื่นภาษีประจำปีให้เรียบร้อย คือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ที่นายจ้างออกให้ ซึ่งใบนั้นจะมีข้อมูลสรุปอยู่ 3 ส่วน คือ เงินได้ทั้งปี ประกันสังคม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ถ้ามี)
          สำหรับเงินเดือนที่เราได้รับ (รวมโบนัสและอื่นๆ ที่ได้จากการทำงาน) จะถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 1 ตามกฎหมายภาษีที่เรียกว่า ประมวลรัษฎากร โดยอยู่ในมาตรา 40(1) ดังนั้น ตอนยื่นภาษีให้เลือกประเภทเงินได้นี้ แล้วกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน

          ข้อสอง : เตรียมเอกสารลดหย่อนภาษีที่ต้องใช้ ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านมา หลายๆ ตัว (อาจ) ไม่จำเป็นต้องเตรียมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ กองทุนลดหย่อนภาษี SSF และ RMF ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่ออยู่อาศัย (ที่เริ่มต้นกู้ตั้งแต่ปี 2664 เป็นต้นไป) จนถึงรายการบริจาคที่ผ่านระบบ E-donation เนื่องจากทางสรรพากรได้มีข้อมูลพวกนี้จากข้อกฎหมายที่ให้ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น บริษัทประกัน สถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และหน่วยงานรับบริจาค ฯลฯ ส่งข้อมูลให้กับทางสรรพากรโดยตรงแล้ว แม้ว่าจะมีการส่งข้อมูลให้สรรพากรแล้ว แต่ยังมีบางรายการที่ทางสรรพากรเรียกเพื่อขอดูเพิ่มเติมอยู่ ดังนั้น ก็ควรเก็บเอกสารเหล่านี้ไว้ จะปลอดภัยกว่า
          ส่วนเอกสารที่แนะนำให้เตรียมและคิดว่าสรรพากรขอดูแน่ๆ ในกรณีที่มีการขอคืนภาษี คือ หลักฐานของค่าลดหย่อน ช้อปดีมีคืน จำนวน 30,000 บาท ที่เป็นการซื้อสินค้าและบริการตามภาษีมูลค่าเพิ่ม หนังสือและอีบุ๊ก และสินค้าโอท็อปตามที่กฎหมายกำหนด (ไม่ได้สิทธิสำหรับบางรายการ) ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา โดยหลักฐานที่ใช้ในการลดหย่อนภาษี คือ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ที่มีชื่อผู้ซื้อระบุไว้ กรณีที่ซื้อจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และใบเสร็จรับเงินที่มีชื่อผู้ซื้อระบุไว้ กรณีที่ซื้อจากผู้ประกอบการสินค้าโอท็อป และหนังสือครับ ดังนั้น ใครที่ใช้สิทธิ อย่าลืมเตรียมเอกสารส่วนนี้ไว้ด้วย

          ข้อสาม : เช็กยอดภาษีที่ต้องจ่าย และวางแผนภาษีไว้ล่วงหน้า สิ่งที่เราควรรีบทำตั้งแต่ต้นปี คือ การจัดการภาษี ปี 2566 โดยแนะนำให้เช็กยอดภาษีที่คำนวณได้ในปี 2565 (ยอดที่ต้องจ่ายก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย) แล้วถามตัวเองว่า เราพอใจกับการวางแผนภาษีประจำปี 2565 ไหม รวมถึงเช็กดูว่าสถานการณ์การเงินของเราเป็นอย่างไร เพื่อจะได้วางแผนปีต่อไปได้ทันที และทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้ง่ายตลอดทั้งปีด้วย
          สำหรับคนที่ยังไม่มีอะไรให้วางแผน ไม่รู้เลยว่าจะซื้อกองทุนเท่าไร ลดหย่อนภาษีแบบไหนในปี 2566 ลองเช็กเป้าหมายการเงินของตัวเองดู ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงต่างๆ (ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ) เป้าหมายการเงินในอีก 10 ปี (SSF) หรือเป้าหมายเกษียณ (PVD, RMF, ประกันบำนาญ) ประกอบกันดู หรือถ้าหากปีที่แล้ววางแผนไปแล้ว และตรงตามเป้าหมาย จะใช้หลักการเดิมก็ได้ ถือว่าไม่ผิด