“OneCharge” สตาร์ทอัปผู้เปิดประตูรถ EV สู่โลกอนาคต

     รถยนต์ EV จะไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เหมือนรถที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ผู้ใช้รถ EV มักจะพบปัญหา คือ ความยุ่งยากของการใช้สถานีชาร์จ ทั้งการต้องผูกบัตรเครดิตเข้ากับระบบ หรือการใช้บริการข้ามเครือข่ายไม่ได้ ทำให้ต้องโหลดแอปพลิเคชันหลายแบรนด์เพื่อใช้สำหรับเครื่องชาร์จของแบรนด์นั้นๆ
     คุณธีรภัทร์ ธิติโสตถิกุล เป็นหนึ่งในผู้ขับรถยนต์ EV และเจอปัญหานี้ เขามองเห็นจุดบอดนี้เป็นโอกาส หลังศึกษาและพบความเป็นไปได้ ไม่กี่สัปดาห์เขาก็ตั้งบริษัท วันชาร์จ โซลูชั่น จำกัด (OneCharge Solution) เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มหวังจะช่วยให้ชีวิตของคนใช้พาหนะพลังงานไฟฟ้าสะดวกขึ้น และเมื่อคนหันมาใช้กันมากขึ้น ย่อมหมายถึงการปล่อยมลพิษบนโลกนี้ก็จะน้อยลงด้วย
     เป็นโอกาสดีที่วารสาร HR Society ฉบับเดือนธันวาคมนี้ ได้พูดคุยกับคุณธีรภัทร์ ธิติโสตถิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วันชาร์จ โซลูชั่น จำกัด (OneCharge Solution) ถึงเรื่องราวการปลุกปั้นโปรดักต์ แนวคิด และแนวโน้มการเติบโตของรถ EV รวมถึงสไตล์การทำงานของสตาร์ทอัปรุ่นใหม่ที่อายุน้อยแต่ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว มาติดตามกัน
     จุดเริ่มต้น OneCharge Solution
     “เหตุที่ตั้งชื่อว่า OneCharge Solution เพราะเราอยากมาช่วยแก้ปัญหาเรื่องการชาร์จรถไฟฟ้าให้กับทุกฝ่าย คอนเซ็ปต์ของเรา คือ เป็น Airbnb ของ EV Charger ดังนั้น เราจึงอยากให้จบในแอปพลิเคชันเดียวเลย คือ OneCharge สามารถชาร์จได้ทุกที่ คำว่า OneCharge จะมาจาก One Account Charge Everywhere หรือบัญชีเดียวสามารถชาร์จได้ทุกที่นั่นเอง
     ผมเริ่มจากทำสำรวจด้วยการสร้างวิดีโอขึ้นมา เพื่อสื่อสารว่าเราจะสร้างแพลตฟอร์มเพื่อแก้ปัญหาการชาร์จรถ EV แล้วนำไปปล่อยในกลุ่ม EV Club Thailand ในเฟชบุ๊ก ชวนให้คนมาสมัครใช้งานล่วงหน้าว่าถ้าเราทำแพลตฟอร์มแบบนี้ เขาจะมาใช้หรือเปล่า ปรากฏว่าผลตอบรับออกมาค่อนข้างดี ผมจึงตัดสินใจไปรวมทีมกับเพื่อนอีกคนที่ทำธุรกิจเหมือนกัน ชวนเขามาตั้งบริษัท ช่วยกันระดมทุน ในช่วงแรกเราหานักลงทุนไม่ค่อยได้ เพราะในธุรกิจที่เกี่ยวกับความยั่งยืน ไม่ค่อยมีคนเชื่อว่าจะทำเงินได้
     ตอนที่บริษัทเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ไม่ได้มีพนักงานเยอะ ผมก็จะเป็นเหมือน Chief of Everything Officer ในช่วงแรก ต้องทำเองหลายด้าน ต้องไปหน้างานด้วยตัวเอง ดังนั้น อุปสรรคในช่วงแรก คือ ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้า ไม่มีความรู้เรื่องวิศวะซึ่งเกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าเลย ต้องมาศึกษาเองหน้างาน แต่พอได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ก็คิดว่าเป็นงานที่สนุกดี ผมมีความเชื่อว่าถ้าเราเป็นหัวหน้างาน แล้วมีความรู้เกี่ยวกับงานในหลายๆ ด้าน จะช่วยเทรนพนักงานได้ดีกว่า”