สวัสดิการหลักที่พนักงานรุ่นใหม่ต้องการ มีอะไรบ้าง

โดย

 


 
สวัสดิการหลักที่พนักงานรุ่นใหม่ต้องการ มีอะไรบ้าง


    ปัจจุบัน เรื่องค่าจ้างเงินเดือน องค์กรต่างๆ สามารถแข่งขันในเรื่องนี้กันมากขึ้น ดังนั้น องค์กรที่ต้องการความได้เปรียบ จึงต้องหาลูกเล่นในการบริหารคนที่มากขึ้น ซึ่งก็คือเรื่องของระบบสวัสดิการ แล้วพนักงานรุ่นใหม่ต้องการสวัสดิการอะไรบ้าง มาดูกันครับ
    • Health Benefits สวัสดิการด้านสุขภาพพนักงาน
    ยุคนี้เป็นยุคแห่งสุขภาพ และ Well-being หากองค์กรใดให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดิการด้านสุขภาพของพนักงานอย่างจริงจัง ก็จะเป็นองค์กรที่สามารถดึงดูดคนเก่งๆ เข้ามาทำงานได้ และสามารถเก็บรักษาพนักงานมือดีไว้ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาวได้มากขึ้น
    ตัวอย่างสวัสดิการด้านสุขภาพที่พนักงานสนใจ เช่น ค่ารักษาพยาบาลที่นอกเหนือจากประกันสังคม ได้แก่ ค่าทำฟัน การดูแลสายตาประกอบแว่น ประกันสุขภาพพนักงาน การตรวจสุขภาพแบบละเอียด การดูแลสุขภาพจิตพนักงาน สวัสดิการด้านการออกกำลังกาย การลาคลอดสำหรับพนักงานชาย สวัสดิการด้านการผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน เป็นต้น
    • Retirement Plans สวัสดิการเพื่อการเกษียณอายุ
    หากต้องการให้พนักงานอยู่ทำงานกับองค์กรนานๆ โดยเฉพาะคนเก่งๆ องค์กรต้องพิจารณาให้สวัสดิการเพื่อการเกษียณอายุที่ดีมาใช้ ส่วนใหญ่จะเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นหลัก ซึ่งในทางปฏิบัติองค์กรอาจจะให้คำปรึกษาแก่พนักงานในเรื่องของการลงทุนระยะยาว หรือลงทุนในกองทุนเพื่อการเกษียณอายุ เพื่อเป็นทางเลือก
    • Paid Time Off (PTO) ให้วันหยุดแก่พนักงานโดยที่ยังจ่ายค่าจ้างให้
    การรักษาความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน หรือ Work-Life Balance ถือว่าอยู่ในความต้องการของพนักงานมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น องค์กรใดที่ส่งเสริมเรื่องนี้ ก็จะสามารถดึงดูดและเก็บรักษาคนเก่งๆ ไว้ได้ง่ายกว่า บางองค์กรมีการส่งเสริมให้พนักงานใช้ PTO หลังจากที่ได้ทำโครงการบางอย่างสำเร็จ ให้พนักงานพักหรือไปเที่ยวได้เลย เพื่อเป็นการรีชาร์ตพลังให้กับตัวเอง พร้อมรับงานใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา หรือบางองค์กรก็ใช้ PTO เป็นตัวช่วยในการลดแนวโน้มการ Burnout ของพนักงานได้เช่นกัน
    • Flexible Work Arrangements การทำงานแบบยืดหยุ่น
    ไม่ว่าจะเป็นการยืดหยุ่นในเรื่องของเวลาทำงาน สถานที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งวิธีการทำงาน องค์กรใดที่มีนโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่น ก็จะได้เปรียบในการดึงดูดและเก็บรักษาพนักงานรุ่นใหม่ที่เป็นคนเก่งๆ ไว้ได้
    นโยบายหลักของการทำงานแบบยืดหยุ่นที่ได้รับความนิยม ได้แก่ 1. Remote Work คือ การทำงานนอกสถานที่ ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่จากที่บ้านตนเอง 2. Work From Home คือ การทำงานที่บ้าน เป็นเทรนด์การทำงานยุคใหม่ที่ตามมากับเทคโนโลยีสารสนเทศที่พัฒนาในสถานการณ์ปัจจุบัน 3. Flexible Hour คือ การกำหนดชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นในการเข้างานและเลิกงาน และ Compressed Workweeks เป็นการสะสมเวลาในการทำงานให้ครบชั่วโมงต่อสัปดาห์ เมื่อทำครบแล้ววันที่เหลือก็จะเป็นวันหยุดของพนักงานได้
    • Family Benefits สวัสดิการที่ให้ครอบครัวพนักงาน
    เช่น ค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุมถึงบิดา มารดา ภรรยา บุตร ของพนักงาน ทำให้พนักงานรู้สึกไม่ต้องแบกรับภาระในเรื่องครอบครัวแบบเต็มๆ ดังนั้น องค์กรที่สามารถจัดสวัสดิการเรื่องนี้ให้พนักงานได้ ก็จะเป็นองค์กรที่ได้เปรียบในการดึงดูดและเก็บรักษาพนักงานมือดีไว้ได้มากขึ้น
    • Financial Wellness Programs การมีสุขภาพทางการเงินที่ดี
    เป็นเงินสวัสดิการที่จัดให้กับพนักงาน เพื่อส่งเสริมชีวิตและความเป็นอยู่ของพนักงานแต่ละคน โดยปกติแล้วองค์กรจะกำหนดงบประมาณเป็นตัวเงินคงที่ 1 ก้อน เพื่อจะให้พนักงานไว้ใช้จ่ายในเรื่องของ Wellness ต่างๆ ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของเงินก้อนนี้ก็คือ เพื่อสร้าง Wellness ของพนักงานเป็นหลัก ถือว่าเหมาะสมกับยุคสมัยนี้ที่ความต้องการของพนักงานแต่ละคนมีความแตกต่างไปตามลักษณะการใช้ชีวิต ดังนั้น เงินก้อนนี้จะสามารถตอบโจทย์เรื่อง Wellness ของพนักงานแต่ละคนได้
    แม้เงินเดือนจะมีความสำคัญต่อพนักงานมากขึ้น แต่ด้วยเงินเดือนที่สูงเพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่พอ องค์กรต้องสร้างความสมดุลระหว่างเงินเดือนและสวัสดิการ เพื่อ Wellbeing ที่ดีให้มากขึ้น

 

  บางส่วนจากบทความ : แค่เงินเดือนสูงอย่างเดียว คงไม่พอ
  ในการดึงดูดและเก็บรักษาคนเก่งๆ ไว้ได้อีกต่อไป
  โดย : ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร / Section : HRM/HRD / Column : ครบเครื่องเรื่องค่าตอบแทน
  อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่...วารสาร HR Society ปีที่ 21 ฉบับที่ 252 เดือนธันวาคม 2566

 
 
 
FaLang translation system by Faboba